เรื่องเล่าจากสนามแข่ง สนามที่ 3 อำเภอพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี (ตอนจบ) | ARTICLES | AsiaBike (asiabike.com )
Find a retailer CustomerRegister History Subscribe CALL CENTER +66 81 133 0063
 


ARTICLES

Promotion !!

Event & NEWS

innovation

  » BMC Innovations

  » Vittoria Innovations

  » BH Innovations

  » Ridley Innovations

  » HOPE Innovations

  » DT Swiss Innovations

  » Reynold Innovations

  » Look Innovation

  » Lameda Innovation

  » EKOI Innovations

  » LIMAR Innovation

  » FAST Innovation

  » Corima Innovation

Product Review

Technique

  » Elite Trainer

เรื่องเล่าจากสนามแข่ง สนามที่ 3 อำเภอพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี (ตอนจบ)
ผู้แต่ง อ.ปราจิน รุ่งโรจน์  , 02/08/2012 00:00 , ผู้ชม 2721 , หัวข้อ : Technique

 เรื่องเล่าจากสนามแข่ง
Start To Finish
การแข่งขันจักรยานครอสคันทรีชิงถ้วยพระราชทานฯ
สนามที่ 3 อำเภอพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี

        เวลา 10.30 น. เป็นเวลาที่ผู้เขียนรอคอยก็มาถึงที่จะพิสูจน์พลังแข้งให้พี่น้องชาวเสือได้ชมกันว่าใครคือแชมป์ตัวจริงที่จะได้ครองถ้วยพระราชทานในปีนี้ (2555) เสียงผู้ประกาศเริ่มนับ5-4-3-2-1 ปัง! เฟรดิกจากออสเตรียเพื่อนร่วมทีมของผู้เขียนพุ่งทะยานขึ้นหน้าทันที ติดตาม สมยศ นรินทร์และผู้เขียน ทางเริ่มขึ้นเขานรินทร์แซงเฟรดิกขึ้นเป็นผู้นำติดตามด้วย 
สมยศ และผู้เขียน ส่วน เฟรดิกตกลงไปอยู่ในตำแหน่งที่ 4 ทางเริ่มชันมากๆขึ้น สมยศ อาศัยเป็นคนตัวเล็กเร่งความเร็วแซง นรินทร์ ขึ้นนำหน้าไปเกาะติดมาด้วยผู้เขียน ขณะนี้ทุกคนกำลังเหนื่อย หอบ เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดได้ยินชัดเจน ทั้งของตนเองและคู่แข่ง “สมยศ” เร่งความเร็วขี่ขึ้นเขาให้เร็วขึ้นไปอีกครั้ง (คงติดใจเคยเร่งหนีผู้เขียนได้ในสนามที่2) ทำให้ “นรินทร์และเฟรดิก” หลุดไปกองอยู่ข้างหลังมากขึ้น ส่วนผู้เขียนคราวนี้ขี่เกาะติด “สมยศ” ไม่ให้ห่างเรียกว่า”หายใจรดต้นคอกันเลย”ล่ะครับ ในที่สุดก็ถึงช่วงขี่ลงเขา “สมยศ” ทะยานขี่ลงไปก่อนตามติดด้วยผู้เขียนไล่จี้มาไม่ห่าง เป็นสองคนแรกที่ขี่ลงเขามาด้วยความเร็วได้ก่อน ติดตามมาด้วย “นรินทร์” และเฟรดิกอยู่ห่างๆ“สมยศ” เลี้ยวขวาทะยานขึ้นถนนปูนได้ก่อนและพยายามเร่งความเร็วหนีผู้เขียนไปแบบสุดๆ แต่คราวนี้ผู้เขียนไม่ปล่อยให้หลุดไปง่ายๆเพราะซ้อมมาดีไม่มีแผ่วจึงพยายามกัดฟันขี่ไล่จี้ไปติดๆ บนเส้นทางถนนลูกรังที่ขี่ผ่านท้องนา ท้องไร่ของชาวบ้าน ชั่วอึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงล้อรถจักรยานของ “นรินทร์ และ เฟรดิก” ขี่ไล่มาจนทันจี้อยู่ข้างหลัง ทำให้ขณะนี้กลุ่มหน้าประกอบไปด้วยผู้นำ 4 คน คือ “สมยศ ผู้เขียน เฟรดิกและนรินทร์” ถนนเปลี่ยนจากดินลูกรังเป็นถนนลาดปูนอีกครั้ง เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวเลี้ยวไป-มา ผู้เขียนยังขี่ไล่จี้ตาม “สมยศ” อยู่ข้างหลัง ในขณะเดียวกัน “เฟรดิกและนรินทร์” ก็จี้ผู้เขียนอยู่ข้างหลังอีกที เส้นทางเปลี่ยนจากทางปูนเป็นถนนลาดยางเมื่อเลี้ยวขวาขึ้นมา “สมยศ” ยังมันตีนปั่นกระฮึ่มนำหน้าแบบไม่ยั้งกะจะเอาผู้เขียนให้หลุดไปให้ได้โดยไม่มีการผ่อนแรง เส้นทางเริ่มขึ้นเนินข้างหน้า “สมยศ” เริ่มแผ่วลงเล็กน้อย จังหวะนี้เองผู้เขียนยืนโยกสปริ้นท์หนีขึ้นเนินไปอย่างรวดเร็ว(อยู่ในแผนการแข่ง) โดยไม่สนใจว่าใครจะขี่ไล่จี้มาหรือไม่?ชิงขี่เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางวิบากที่เป็น ลูกรังอีกครั้ง คราวนี้แรงที่สะสมมาเป็นอย่างดีจากการฝึกซ้อม ถูกนำมาทุ่มเทให้กับการปั่นลูกบันไดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพิ่มระยะทางทิ้งห่างคู่แข่งออกไปข้างหน้าได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเส้นทางเป็นหินลอยทำให้การขี่ไล่ล่าทำได้ยากพอสมควร เลี้ยวซ้ายลงเนินเข้าสู่เส้นทางขี่ผ่านท้องนาสะท้านเทือน(คุณห้อย และคุณโหน)ซาง ผู้เขียนพยายามขี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โชคดีที่ตอนนี้เส้นทางผ่านท้องนาดังกล่าวสามารถขี่ได้สะดวกกว่าเก่าเพราะนักแข่งรุ่น B ทุกๆคนขี่ย่ำจนทางแน่นซึ่งทำการแข่งขันมาก่อนหน้าแล้วนั้นแล้ว ทำให้ผู้เขียนเพิ่มระยะทางทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ หลุดออกมาจากทางคันนาได้ก็เลี้ยวซ้ายขึ้นทางลาดปูนอีกครั้ง เหลียวมองดูคู่แข่งอีกครั้งเพื่อเช็คระยะห่างที่ผู้เขียนทิ้งห่างได้มากขึ้นหรือน้อยลง “ความเหนื่อยไม่ใช่ปัญหาของแชมป์” ฉะนั้นผู้เขียนจึงทุ่มเทกำลังปั่นขึ้นเนินเล็กๆให้เร็วขึ้นเพื่อขี่หนีให้เร็วที่สุด เส้นทางต้องขี่ผ่านวัดและเลี้ยวขวาเข้าทางลูกรังลัดเลาะไปตามเนินเขาเล็กน้อย กำลังปั่นขึ้นเพลินๆมีเสียงรถจักรยานพุ่งมาจากข้างหลังขี่แซงขึ้นหน้าผู้เขียนไปอย่างรวดเร็ว อ้าว!!! ใครว่ะ “เจ้าเฟรดิก” เพื่อนร่วมทีมนั่นเอง แกพยายามขี่หนีผู้เขียนออกไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวหลังหันมามองผู้เขียนสักนิด “ในสนามแข่งขันแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ต้องสู้กันอย่างเต็มที่ไม่มีใครยอมใครล่ะครับ” ผู้เขียนยังมีแรงเหลืออีกมากจึงรีบเร่งรอบขาปั่นไล่ขึ้นไปทันทีไม่ให้ห่างแต่เส้นทางตอนนี้เป็นเส้นทางลาดเอียงบนสันเขาขี่ยากพอสมควร(การบังคับรถยาก) ทำให้ไม่สะดวกในการขี่ไล่เท่าไหร่ เมื่อขี่ลงออกมาจากสันเขาได้ “เจ้าเฟรดิก” ก็กะชากหนีห่างออกไปอีก ครั้งประมาณ 20 เมตร ผู้เขียนไม่ได้ตกใจอะไร ใช้ความพยายาม+แรงที่มีอยู่ขี่ไล่ใกล้เข้าไปได้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถขี่จี้ก้นเขาได้เพราะมาติดขบวนนักปั่นคนอื่นๆ(รุ่นที่ปล่อยไปก่อน) เส้นทางขี่ผ่านน้ำพอดีผู้เขียน รีบยกรถวิ่งผ่านทางน้ำไหลไปอย่างรวดเร็วและ ขี่ขึ้นทางชันหลังวัดก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นทางปูนผ่านเส้นชัยไปขี่ขึ้นเนินเขาสูงชันอีกครั้ง ผู้เขียนเห็น “เฟรดิก” กำลังตะกายปั่นขึ้นเขาอยู่ข้างหน้าไม่ห่าง ทำให้มีกำลังใจขี่ไล่เร็วขึ้น จึงตัดสินใจยกก้นขึ้นยืนปั่นเร่งความเร็วขี่ไล่ไปจนทัน “เฟรดิก”และขี่ หนีขึ้นเขาบ้าง(ทีใครทีมัน) แต่ “เจ้าเฟรดิก” ก็ไม่ปล่อยผู้เขียนไปง่ายๆเขากัดฟันขี่ไล่ตามมาติดๆ ทำให้หนีกันไม่ออกต้องขี่ลงเขามาด้วยกันตามเส้นทางเดิม “เจ้าเฟรดิก” ยังแรงดีปั่นขึ้นนำผู้เขียนอีกครั้งเขากระฮึมรอบขาปั่นเร็วหนีผู้เขียนออกไปข้างหน้าอีกครั้ง ไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่เพื่อนเอ๋ย ผู้เขียนเกาะติดเป็นแตงเม เลี้ยวขวาขึ้นถนนทางลาดยางอีกครั้ง คราวนี้ผู้เขียนเป็นฝ่ายขี่นำหน้าบ้าง แต่แกล้งแสดงอาการแผ่วลง(กลยุทธ์) “เฟรดิก” ตัดสินใจแซงขึ้นหน้าขี่นำขึ้นเนินทันที ขณะที่เขากำลังขี่นำหน้าเพลินอยู่นั้นโอกาสทองของผู้เขียนก็มาถึง ณ จุดเดียวกันนี้เองที่ผู้เขียนสปริ้นท์หนี “สมยศ” ในรอบแรก คราวนี้ใช้หนี “เจ้าเฟรดิก” อีกครั้ง(เนินเดียวกันกับที่หนีครั้งแรก) คราวนี้ขี่เร็วกว่าเก่าทำให้สามารถทิ้ง “เฟรดิก” ลงไปกองอยู่ข้างหลัง เลี้ยวขวาขี่เข้าเส้นทางวิบากหินลอย ผ่านทุ่งนา ขึ้นทางปูน ผ่านวัดอีกครั้ง หันหน้ามาเช็คดูอีกครั้งทำให้ทราบว่าทิ้งห่าง “เฟรดิก” มาก(มองไม่เห็น) และเขาจะไม่สามารถขี่ไล่ผู้เขียนทันแน่นอน อีกอย่างหนึ่ง “เฟรดิก” จะมีอาการแผ่วให้เห็นในช่วงท้ายๆของระยะทางเสมอๆ ทำให้พลาดโอกาสที่จะเป็นผู้ยืนแป้น “ท๊อปโพเดี่ยม” ในสนามนี้ ผู้เขียนทุ่มเทให้กับความพยายามรักษารอบขาปั่นหนีให้เร็วที่สุดให้ได้ตลอดเส้นทาง แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะช่วงท้ายๆของระยะทางผู้เขียนเองก็มีอาการอ่อนแรงเช่นกัน แต่จิตใจที่เข้มแข็ง และมุ่งมั่น ทำให้สามารถขี่ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ไม่ยาก แม้จะล้มลุกคลุกคลานบ้าง(ผู้เขียน)แต่มันก็เป็นสีสรรของเกมส์การแข่งขันจักรยานเสือภูเขาที่ผู้แข่งขันต้องทนได้ (เหมือนสีทนได้) ถึงจะประสบความสำเร็จในชัยชนะ ผู้เขียนขี่ผ่านช่วงสุดท้ายมาได้ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่หนึ่งได้สมใจ โดยมี “เฟรดิก” และ “สมยศ” ขี่เข้าเส้นชัยตามมาเป็นที่ สองและที่สามตามลำดับ
 
          สรุปว่า การตั้งเป้าหมายที่เด่นชัด(แน่นอน) ทำให้การฝึกซ้อมและแข่งขันเข้ากันได้อย่างลงตัวและประสบความสำเร็จ ทำให้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้(แชมป์ถ้วยพระราชทานฯ) ใกล้เข้าไปทุกที และพบกันใหม่สนามต่อไปวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 ที่สนามสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร รับรองว่าสนามนี้ปั่นเร็วกว่าเก่าแต่จะได้ที่ หนึ่งหรือไม่? เป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบในวันแข่งขันฯ สุดท้ายขอฝากคติของ แชมป์ ว่า “เมื่อยังไม่ผ่านเส้นชัย อย่า! คิดว่าจะแพ้หรือจะชนะ” สวัสดีครับ

Share :

ย้อนกลับ
2016 ASIABIKE warranty Term & Conditions Professionals