G2.0 ทุกท่านคงคุ้นเคยกับ Vittoria Graphene ใน Version แรกที่มีสโลแกน No compromise จากการนำเทคโนโลยี 4 Compound และ graphene เข้ามาใช้ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Vittoria ได้เปิดตัวสุดยอดยางตัวใหม่ใน Version 2 การใช้งานโดยรวมถูกพัฒนาขึ้นจากตัวเก่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นยางที่นักเเข่งระดับโลกใช้กันหลายทีม ทั้งยังสร้างแชมป์มาแล้วหลายสนาม ไม่ว่าจะเป็น

- Tour de France

- Giro d’Italia

- Vuelta a España, Classics

- World Championships

- European Championships

- Olympic Games

"เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง Graphene version 1 และ  Version 2.0 เราจะพบว่า"

- ในรุ่นใหม่นี้ vittoria ได้นำ GRAPHENE 2.0 มาใช้เป็นสารองค์ประกอบ เพื่อรองรับการใช้งานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

- Vittoria ได้มีการพัฒนาโครงสร้างของ Cotton  ที่เดิมทีให้คุณสมบัติความยืดหยุ่นสูง แต่ขาดความแข็งแรง Vittoria ได้พัฒนาโครงสร้างของ Cotton ให้เกิดความแข็งแรงขึ้น จึงทำให้เพิ่มศักยภาพทั้งความนุ่มนวลตอบสนองต่อการแข่งขัน และให้ความแข็งรงในเวลาเดียวกัน

- ยังคงเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ใช้ compounds แบบ 4C คือมีเนื้อยางอยู่ 4 เเบบใน 1 หน้ายาง ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละส่วน เช่น แกนกลางหน้ายางจะให้คุณสมบัติ Rolling อย่างเต็มที่ ในขณะที่ ด้านข้างจะให้คุณสมบัติการเข้าโค้ง ยึดเกาะ ทำให้การทำงานในแต่ละส่วนไม่ทับซ้อนกันและแสดงศักยภาพได้สูงสุด

- และส่วนที่สำคัญที่สุดคือ Graphene เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มีโมเลกุลและการกระจายตัวที่ดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นแรก ทำให้เพิ่มศักยภาพในแต่ละจุดให้มากกว่าเดิม

 Graphene คืออะไร หลายท่านอาจจะเคยได้ยินแต่ยังไม่รู้ถึงคุณสมบัติของ Graphene

Graphene คือโมเลกุลที่เล็กที่สุดในโลกที่สกัดจากคาร์บอน อย่างที่รู้กันว่าคาร์บอนเป็นธาตุที่มีความแข็งแรงสูงสุดในทุกธาตุบนโลก ดังนั้นการสกัดเอาโมเลกุลที่ยิ่งเล็กจากคาร์บอนที่มีความแข็งแรงสูงมาใช้ทำให้หน้ายางเกิดความแข็งแรงและแสดงศักยภาพได้เต็มที่ โดยไม่เพิ่มน้ำหนักของยาง ยืนยันด้วยผลการรีวิวจาก Website : bicyclerollingresistance.com  ซึ่งผลทดสอบการใช้งานจริง จะเห็นได้ว่า Vittoria Corsa จัดอยู่ในยางที่ให้ค่า Rolling Resistance ได้ต่ำที่สุด

Graphene 2.0  กับการลดแรงต้านทานในขณะล้อหมุน (LOW ROLLING RESISTANCE)

จากตารางด้านล่าง เมื่อเทียบระหว่าง Corsa G 2.0 กับ G 1.0 จะพบว่า

- Corsa G 2.0 มีอายุการใช้งานที่มากกว่าเดิมเกือบครึ่ง

- Corsa G 2.0 สามารถทำความเร็วได้ดีกว่าเดิม และลดค่า Roling Resistance ได้ต่ำกว่า G 1.0

- Corsa G 2.0 สามารถยึดเกาะได้ดีกว่า (เข้าโค้งได้มั่นใจกว่าเดิมเนื่องจากโครงสร้างเป็น Cotton)

- สุดท้ายคือ Corsa G 2.0 สามารถป้องกันการบาดเจาะ หรือ กันรั่วได้ดีกว่าเดิม

Share :