ARC 1400 DICUT ชุดล้อดิสก์เบรก Aero ใหม่! ตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างรวดเร็วตามหลักอากาศพลศาสตร์
เสถียรภาพมั่นคง ควบคุมได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
ความโดดเด่นของ ล้อ ARC 1400 DICUT คือการนำเสนอสุดยอด
DNA ล่าสุดของล้อ DT Swiss ในรุ่น
1400 ที่ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือของบริษัท SWISS SIDE ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์ ออกแบบขอบล้อด้วยเทคโนโลยี
AERO+ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ สำหรับผลลัพธ์ที่ทรงพลังทั้งด้าน ประสิทธิภาพความ Aerodynamic, ลดแรงต้านอากาศให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้องศาการไหลของกระแสลมที่แตกต่างกัน ในสภาพที่มีลมพัดผ่านจากด้านข้าง จะช่วยให้นักปั่นได้รับแรงส่งผ่าน
sailing effect
ความไวลมที่ลดลงจะช่วยให้นักปั่นรักษาตำแหน่งและควบคุมจักรยานได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ล้อ ARC 1400 DICUT ยังมาพร้อมซี่ลวด DT Swiss aero spokes ระดับ
High-end ที่ออกแบบมาเพื่อตัดอากาศโดยเฉพาะ และดุม 240 DICUT Ratchet EXP system ที่ทำงานได้อย่างแม่ยำและสมบูรณ์
มีให้เลือกในรุ่น disc
brake
ด้วยกันถึง 3 ขนาด (80 mm, 62 mm and 50 mm)
- ARC 1400 DICUT 80: ชุดล้อแอโรขอบสูง
ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทำความเร็ว
- ARC 1400 DICUT 62: ชุดล้อแอโร่ที่มีคุณสมบัติรอบด้านเป็นการออกแบบที่รวมเอาประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมระหว่างความมั่นคงและลดแรงต้านอากาศในขณะปั่น
- ARC 1400 DICUT 50: ชุดล้อล้อเตี้ย
เพื่อให้คุณออกแรงปั่นได้อย่างเต็มกำลังในทุกความท้าทาย และให้การควบคุมได้เฉียบคม
"เทคโนโลยี AERO+ คือการรวมตัวที่สมบูรณ์แบบระหว่าง
การลดแรงเสียดทาน, การควบคุม และความมีประสิทธิภาพ"
TRANSLATIONAL
DRAG
คือ แรงลมที่ไหลเข้ามาปะทะในทิศทางที่นักปั่นกำลังมุ่งหน้าไป
ซึ่งเป็นตัวตัดกำลังทำให้ปั่นได้ช้าลง โดยทั้งหมดจะประกอบด้วย พื้นที่บริเวณด้านหน้าของนักปั่น
(75%), จักรยานและส่วนประกอบของจักรยาน
(25%) และสิ่งสุดท้ายคือ ความเร็ว ดังนั้นเมื่อคุณปั่นด้วยความเร็วที่ 15
กม./ชม. คุณจะพบว่าแรงต้านอากาศจะเข้ามาปะทะคุณอย่างทวีคูณ
ซึ่งนับเป็นตัวแปรสำคัญมากๆสำหรับนักปั่น
การลด Translational drag ให้น้อยที่สุด
จึงจำเป็นต้องย่อพื้นผิวโดยรวมทั้งหมดให้เล็กบางที่สุด และเพิ่มความคล่องตัวให้กับจักรยานและนักปั่นได้ดี
ซึ่ง 8 % ของล้อหน้า มีผลต่อแรงต้านอากาศทั้งหมด ดังนั้นพฤติกรรมของล้อที่ตอบสนองต่อแรงลมจึงมีความสำคัญอย่างมาก
SAILING
EFFECT
ในสภาพการเกิดกระแสลมข้าง (crosswind) นักปั่นและจักรยานจะต้องสัมผัสกับแรงที่เข้ามากระทบจากด้านข้าง ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการปั่น ดังนั้นการพัฒนาล้อสำหรับเสือหมอบ เป้าหมายคือ ลดแรงต้านด้านข้างให้น้อยที่สุด และเพิ่ม sailing effect ให้มากขึ้น
sailing effect ของล้อเปรียบเสมือนใบเรือ
ของเรือใบที่ทำหน้าที่อุ้มลมและสร้างแรงส่งให้เรือเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เช่นเดียวกับการกับการปั่นจักรยานขอบล้อจะมีผลเช่นเดียวกับใบเรือและผลักในระบบขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ดังนั้นในสภาวะที่เกิดลมขวางที่มีการไหลเข้าที่
0°-20° ขององศา yaw
แรงปะทะจากด้านหน้าจะไม่ส่งผลให้ปั่นช้าลง
แต่จะช่วยลดแรงต้านด้วยการเพิ่มองศาการไหลของกระแสลมที่เข้ามาปะทะกับตัวนักปั่น (Yaw angle)
1) Rotational drag
2) Rotation of wheel
ROTATIONAL DRAG
นอกเหนือจากการเคลื่อนที่
ที่ต้องเผชิญกับแรงลมที่ไหลเข้ามากระทบจากด้านหน้าด้วยความเร็วที่กำหนดแล้ว
ล้อก็นับเป็นชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากแรงเสียดทานที่เกิดจากการหมุนอีกด้วย
โดยแรงเสียดทานที่เกิดจากการหมุนสามารถอธิบายได้ว่าเป็นแรงเสียดทานเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นระหว่างล้อเมื่อหมุนเคลื่อนผ่านอากาศโดยรอบ
แรงเสียดทานที่เกิดจากการหมุน คิดเป็น 25%
ของการเปรียบเทียบกับแรงเสียดทานทั้งหมด 75% สำหรับแรงต้านที่เข้ามาปะทะจากด้านหน้า (translational
drag) เนื่องจากซี่ลวดเป็นตัวเชื่อมไปยังขอบล้อและดุมจึงมีความสำคัญมาก
จึงจำเป็นต้องใส่ใจกับการออกแบบซี่ลวดให้สามารถตัดอากาศได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบ: ยิ่งขอบล้อมีความเตี้ยเท่าใด sailing effect ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นขอบล้อเตี้ยที่มีซี่ลวดล้อที่ยาวจะทำให้เกิดแรงเสียดทานการหมุนที่สูงขึ้น
STEERING MOMENT
แรงด้านข้างที่มาปะทะกับล้อ คืออีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงในการปั่น
วิธีการรับมือจึงต้องอาศัยความปลอดภัยและการคาดเดาได้ เพื่อที่นักปั่นจะสามารถใช้ความเร็วในแบบที่ตัวเองสามารถคอนโทรลได้
ขอบล้อ AERO + จึงถูกพัฒนามาเพื่อปรับปรุงในจุดนี้
ทำให้ได้ steering moment ที่ต่ำลง
ส่งผลให้นักปั่นได้รับประโยชน์จากการบังคับเลี้ยวที่สามารถคาดเดาวิถีการเลี้ยว และช่วยให้คุณคอนโทรลได้ดีกว่าเดิม
ซึ่งจะทำให้นักปั่นอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้นานขึ้น
พร้อมทั้งยังเร่งความเร็วได้สูงขึ้นอีกด้วย
STEERING MOMENT มีความสำคัญอย่างไร?
นักปั่นจะรับรู้ได้ถึงแรงด้านข้างที่ไหลเข้ามาในระหว่างการปั่นจักรยาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีลมแรง รวมถึงขนาดและความเร็วที่ต่างกันของจักรยาน
ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อล้อ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้และเป็นอันตรายต่อนักปั่น
ยิ่งมุมการไหลเวียนของอากาศมีขนาดใหญ่ขึ้น (yaw angle) ร่วมกับกระแสลมที่พัดแรงขึ้น นักปั่นจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับแรงต้านนั้นอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาถึงจะบรรลุเป้าหมายในเส้นทางที่ปั่น
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม STEERING MOMENT ถึงมีความสำคัญ
ROLLING RESISTANCE
แรงต้านทานการหมุน (ROLLING RESISTANCE) เป็นตัวแปรที่สำคัญสำหรับการหมุนของล้อ ดังนั้นขอบล้อด้านใน และยางที่กว้างขึ้น จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการปั่น เพิ่มการยึดเกาะ ทำให้ปั่นได้อย่างสบายมากขึ้น
ทั้งนี้ ยางที่กว้างขึ้นจะช่วยส่งผลดีต่อแรงต้านทานการหมุนของล้อ
ด้วยขนาดที่กว้างมากขึ้นทำให้มี Contact patch
หรือส่วนที่สัมผัสพื้นกว้างขึ้น และสามารถปั่นได้โดยใช้แรงดันลมที่น้อยลงโดยไม่ต้องเสี่ยงกับรอยรั่วที่เกิดจาก
ขอบล้อกัดยางใน (pinch flat) เมื่อเปรียบเทียบกับยางที่มีพื้นสัมผัสพื้นที่น้อยกว่า
จะเห็นได้ว่า พื้นที่สัมผัสของยางที่กว้างกว่าจะมีความ“ สั้นกว่า” ดังนั้นยางจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นถนนได้ง่ายกว่า
และยังช่วยให้แรงต้านทานการหมุนลดลงอีกด้วย